วันพุธที่ 11 มิถุนายน 2551 วันนี้ตุ๊กตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะได้ถึงมหาวิทยาก่อนใครและเริ่มต้นวันใหม่กับการหาอ่านวิจัยที่หาไว้เมื่อหลายวันที่ผ่านมาเพื่อจะได้สรุปย่อสาระสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม มาถึงมหาวิทยาลัยประมาณ 7.10 ซึ่งก็ยังช้ากว่าอาจารย์บางท่าน น่าทึ่งมากเพราะตุ๊กมาช่วยแม่บ้านเปิดตึกซะส่วนใหญ่ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม พอสายหน่อยตุ๊กก็ช่วยอาจารย์ท่านหนึ่งเตรียมอาหารขบเคี้ยว เพราะช่วงกลางวันมีปาร์ตี้ในที่ทำงานกันเล็กน้อยให้กับอาจารย์ท่านหนึ่งที่ได้งานทำที่ใหม่ ที่นี่เขาทำกันเป็นประเพณี ในเทศกาลต่างๆ เช่นวันเกิดเพื่อนร่วมงาน ในหลายๆ ที่เขาก็พยายามทำกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้บรรยากาศในที่ทำงานน่าอยู่ และเพื่อนร่วมงานก็จะได้มีโอกาสได้พูดคุยสังสรรค์กัน จึงทำให้บรรยากาศเป็นหมือนบ้านอีกหลังหนึ่งของอาจารย์หลายๆ คนที่นี่ ซึ่งอาจารย์เหล่านั้นก็จะรักองค์กรเป็นอย่างมาก ได้คุยกับเจ้าหน้าที่และอาจารย์บางท่าน เขารักที่จะมาทำงานที่เขารักทุกวัน บางคนอาจจะไม่รักงานที่ทำมากนัก แต่เขาบอกว่าเขาอยากมาทำงานทำวันเพราะเขารักเพื่อนร่วมงานและรู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งมีคนคอยให้การสนับสนุนและกำลังใจ ย้อนกลับมาที่งานปาร์ตี้อาจารย์หลายๆคนก็นำอาหารมาแบ่งกันกิน แบบง่ายๆ แต่ได้ความสนุนและสบายใจที่ได้พูดคุยกันนอกเรื่องบ้างที่ไม่ใช่แต่เรื่องสอนอย่างเดียว ตุ๊กก็เอาอาหารไทยมาแบ่งให้ทานกันเหมือนกัน เขาชอบกันมาก
ช่วงบ่ายตุ๊กเข้าร่วมการประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการสอนเพื่อให้เอื้อต่อความต้องการของนักเรียนมากขึ้น ซึ่งจากเดิมที่นักเรียนต้องเรียน 10 อาทิตย์ก็เปลี่ยนเป็น 5 อาทิตย์ ซึ่งถ้านักเรียนสอบผ่านก็สามารถเลื่อนชั้นได้ หรือเข้าเรียนในระดับปริญญาตรี โท เอก ต่อได้ตรงเลย เนื้อหาวิชาก็จะยังคงเดิมโดยการใช้ หนังสือและเนื้อหาในหนังสือเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้เขาใช้ Straight Forward Book ทุกสัปดาห์ก็จะสอนไปตามหัวข้อเรื่องของบทนั้นๆ ซึ่ง อาจารย์แต่ละท่านจะได้ lesson plan ที่ออกแบบมาให้สอนเหมือนกันหมด เพราะเนื่องจาก ระดับหนึ่งๆ มีหลายห้องเรียนซึ่ง แต่ละระดับจะมีอาจารย์สอน 2 คน ซึ่งสลับกันสอนตามวันที่เขาสามารถสอนได้ ซึ่งอาจารย์เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็น part-time teacher เนื่องจากที่เขาไม่มีนโยบายรับอาจารย์ประจำจำนวนมาก ดังนั้นอาจารย์ชั่วคราวต้องผลัดกันสอน เพื่อให้การสอนเป็นไปในทิศทางเดียวกันของทุกห้อง และนักเรียนเองจะได้ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาการสอนหรือให้คะแนนที่แตกต่างกัน ดังนั้นโครงการสอนจึงเป็นแบบออกแบบมาให้ค่อนข้างเป็นระบบที่ต้องสอนตาม ซึ่งอาจทำให้อาจารย์ไม่สามารถจะมีโอกาสได้ปรับเปรียนกิจกรรมการสอนในห้องเรียนเท่าที่ควร เพราะต้องสอนตามคำแนะนำหรือ กิจกรรมที่จัดให้ในโครงการสอนแต่ละสัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตามทั้งนี้ อาจารย์ก็ไม่จำเป็นต้องทำกิจกรรมที่แนะนำทั้งหมด สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งที่อยู่ในนโยบายการเรียนการสอนแบบใหม่นี้ก็คือการที่จัดให้อาจารย์มีสอนร่วมในการสอนให้นักเรียนรู้จักการเรียนอย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่นจัดให้ทำแฟ้มเก็บกิจกรรมเป็นของตนเองอย่างเป็นระบบ แยกเป็นสัดส่วนอย่างเห็นได้ชัด เช่น เอกสารสำหรับการอ่าน พูด เขียน คำศัพย์ เพื่อง่ายต่อการจัดเก็บ และเป็นการสอนนักเรียนให้รู้จักการจัดการการเรียนของจตนเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ว่านักเรียนจะอายุเท่าไหล่ก็ตาม ควรจะมีสิ่งนี้อยู่เสมอแม้กระทั้งจะทำงานแล้ว การจัดการทำงานให้เป็นระเบียบ หมวดหมู่จะช่วยประหยัดเวลาและสร้างความเป็นระเบียบให้กับตนเองมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ที่นี่ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการเรียนของนักศึกษาในเรื่องของการเรียนด้วยตนเอง และความเหมาะสมในเรื่องของเอกสารการเรียนที่เหมาะสมกับระดับความรู้ของนักเรียน และแยกว่านักเรียนระดับใดควรได้รับความรู้ในทักษะใดตามความเหมาะสมกับตัวนักเรียน เช่น นักเรียนที่อยู่ในระดับ เริ่มต้นและสูงขั้นมาหน่อย จะเน้นให้เรียนในเรื่องของทักษะในทุกๆ ด้านที่อยู่ในหนังสือมากหน่อย และจะต้องเรียนในเรื่องของการสะกดคำ ออกเสียงและคำศัพท์มากขึ้น เน้นการอ่านให้มากขั้นเพื่อจะได้เรียนรู้คำศัพท์เพื่อนำมาใช้งานได้จริง แต่พออยู่ในระดับสูงมากขึ้น นักเรียนจะได้เรียนรู้ด้วยตังเองให้ชั่วโมง SAC (self access center)มากขึ้น ทั้งนี้นักเรียนจะต้องบริหารการเรียนด้วยตังเองตามความสนใจและความต้องการในการพัฒนาทางด้านของภาษาโดยมีอาจารย์คอยให้คำแนะนำ มีการให้นักเรียนเขียนรายงานอยู่อย่างต่อเนื่องจากสิ่งที่นักเรียนอ่าน ซึ่งจะมีหนังสือให้อ่านนอกเวลาและนำมาคุยกันภายในห้องเรียน หรือให้นักเรียนได้อ่านบทความ หนังสือพิมพ์ หรือสื่อต่างๆ แล้วให้เขาแสดงความคิด วิจารย์ ต่อสิ่งที่อ่านและเขียนลงในสมุดบรรทึกของตนเองทุกอาทิตย์ ดังนั้นนักเรียนจะไม่มีเวลาว่างที่จะหาความริ่นเริงมากนัก นอกจากนี้นักเรียนแต่ละคนจะมีสมุดคำศัพท์เป็นของตนเองเพื่อจดคำศัพท์ที่นักเรียนเรียนหรืออ่านเจอระหว่างที่อ่านในห้อง SAC เพื่อที่จะให้นักเรียนได้เพิ่มพูนคำศัพท์ให้กับตนเองและสามารถทบทวนในชั้นเรียนกับอาจารย์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการอ่านในห้องเรียนซึ่งจะอ่าน Penguin Reader และมานั่งคุยกันในห้องเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่อ่าน ซึ่งตรงนี้อาจารย์สามารถให้นักเรียนเขียนรายงานได้อีกด้วยส่วนเรื่องของการวัดผล ที่นี่เขาจะวัดผลโดยขึ้นอยู่กับการเรียนตลอดทั้งเทอมที่เรียนตามการพัฒนาการในสิ่งที่เรียนในชั้นเรียน ดังนั้นการสอนจึงไม่ใช่การสอนเพื่อให้ไปสอบ ดังนั้นอาจารย์ที่นี่จะต้องสอนในสิ่งที่ชัดให้ในโครงการสอนแต่ละอาทิตย์ตามหัวข้อที่กำหนดให้ และนักเรียนเข้าห้องเรียนตลอด ก็จะไม่มีปัญหาต่อการประเมินผลการเรียน อาจารย์ที่นี้ก็ยังให้ความสำคัญในการให้คะแนะและตัดเกรดมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่มีผู้สอนหลายคนในชั้นเดียวกัน อาจารย์จะมานั่งตัดคะแนนด้วยกัน และปรึกษาและเทียบความแตกต่างของคะแนนกันเพื่อไม่ให้เกิดความแตกต่างกันในเรื่องการให้คะแนนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเกรดที่ให้ก็จะเป็นแบบมีคะแนนที่กำหนดให้อย่างชัดเจน ดังนั้นนักเรียนจะทราบว่าจะต้องทำให้ได้คะแนนเท่าไหล่ถึงจะได้เลื่อนระดับชั้นหรือให้ได้เกรดตามที่ต้องการ
The GE 2 teachers who teach General English 2 classes and above had a PD (Professional Development)session today. This time, it was more like a meeting to discuss and clarify on the new curriculum. There are some changes with a classroom management which allow flexibility for students to enter on a 5 weekly basis and study for as long as they wish versus 10 weekly basis. Moreover, students will have to select Options classes in areas of need/interest at GE 2 and above. The teachers were given out a Language Instructor Handbook and a course outline designed systematically each week. Thus, it is imperative to follow the week's theme (first week theme is "My Place", for example) based on the textbook. There are suggestions for all skills including resource choices. Basically, they introduce a prescribed course outline and lesson plans for the teachers in order to diminish dilemma with students' scores. Thus, there will be some kind of moderation in scores in different classes.
As for the students, they have to learn up to 25 hours per week. 17 hours are Core classes and 8 hours are non-Core. Within 17 hours of Core classes, 7 areas of studies have been provided-(1)Integrated Skills (intensive study in all skill areas, based about the week's topic. The main focus, therefore, is solid, contextualised structures and vocabulary input and practice. Every Friday, 2 hours will be dedicated to revision of the week's grammar and vocabulary in the form of communicative activities, the Grammar and Vocabulary test and immediate feedback on the test. The tests are marked later), (2)Reading and Writing (There are two functions: Written Communication Skills Option and Written Communication Skills.Written Communication Skills Option focuses on Reading and Writing skills, the Core classes are intended to be more general in nature. However they are centered around the week's topic, whereas the Written Communication Skills will focus heavily on development of micro skills such as scanning,skimming and so forth. WCS aims to develop students' ability to write accurately at sentence level and also incorporate genre-based input and practice. The length and time of writing expected a teach level is also contributed in the Language Instructor Handbook. These word lengths and time limits are designed to enable students to build up to the writing requirement of tests such as IELTS and ISLPR as well as exams in tertiary environments. For example, Beginner writes up to 75 words in 30 minutes). (3) Speaking and Listening (There are also two segments here: Speaking and Listening section(provides students further develop language skills in the topic area)and Conversation Power Option (provide opportunity for student presentations, longer listening texts and listening micro skills).(4) SAC (which I already explained)(5)Language Lab (used for speaking and listening activities related to the week's theme, to practice grammar and vocabulary taught in the week's core classes and for speaking or listening assessment items).(6)Spelling and Pronunciation (are specifically taught at the lower levels. (7) Computer Lab.
There are certain activities that students are to follow. The routine ones would be reading logs, vocabulary books, individual learning plans, journals and newspaper.
As for assessment, it is achievement-based and therefore covers the work taught in class. Thus, it is not necessary to "teach to the test" or do any special preparation for the tests. All parts of assessment items are collected by the Instructo so that they are not circulatred by students. The grades are marked numerically and converted.
At the end, I thought the new curriculum is very tensed, which is better for the students and they are to work very hard to be promoted. On my very last note for the longest log yet, there was an utterence expressed by Kerry, The Director of Studies,that really caught my attention and impression. Kerry said this after she explained to the teachers about having their students purchase a folder to keep all their papers organised. Here, the teacher teaches them the system of learning on how to learn. Then, students will become indipendant learners and have a sense of ownership. Overall, Kerry said, "It will work if the teacher makes it work!" It really kind of hit me right there.
Thursday, June 12, 2008
"It will work if the teacher makes it work!"
Labels:
Professinal Development
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
1 comment:
Can you tell how big is a class there? I guess about 15 students a class... am I right?
Post a Comment